ต้อนรับเพื่อนๆ ด้วยมาสค๊อตของโอทซึกันด้วยน้อง โอทซึฮิคารุคุง ครับ
เมืองนี้มาไม่ยากเลยครับ ใกล้ๆ Kyoto มากๆ
โอทซึเป็นเมืองที่มีความสำคัญในจังหวัดชิกะ เขตคันไซ ทั้งนี้ โอทซึยังเป็นเมืองหลวงโบราณของญี่ปุ่นในช่วงยุคสมัยอาสุกะ (1300 ปีที่แล้ว)
และยังเป้นที่ตั้งของวัดและศาลเจ้าที่สำคัญในประวัติสาตร์ เช่น วัดมิเดระ วัดอิชิยามะเดระ ศาลเจ้าฮิโยชิไทฉะ และ วัดเอ็นเรียคุจิที่ได้ถูกบันทึกเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกอีกด้วย
เวปไซด์การท่องเที่ยวโอทซึ http://www.otsu.or.jp/en/
ภาษาไทยก็มีครับ http://www.otsu.or.jp/app/webroot/th/
ที่เมืองโอทซึ เพื่อนๆ สามารถไปเที่ยวยังทะเลสาปน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นชื่อว่า ทะเลสาปบิวะโกะ ซึ่งได้มีการทำการประมงน้ำจืดกันมาเป็นเวลานาน และได้ใช้เป็นเส้นทางคมนาคมในอดีต
ในสมัยเอโดะ บิวาโกะใช่เป็นเส้นทางสัญจรจากเกียวโต ไปโตเกียว และยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการรบ เปรียบเป็นเมืองหน้าด่านให้กับเกียวโต ในสงครามสมัยก่อน
นอกจากนั้นยังเป็นเมืองที่มีความสำคัญในด้านวรรณกรรมญี่ปุ่น ด้วยความสวยงามของตัวเมืองทำให้มีนักกวีเลื่องขื่อแต่งกวีถึงโอทซีอย่างหลากหลายและยังเป็นจุดกำเนิด วรรณกรรมระดับโลก คือ ตำนานเก็นจิ อีกด้วยครับ
รู้จักเมืองโอทซึกันแล้ว เราไปเที่ยวกันเลยนะครับ
ร้านขนม/อาหารสุไนโนะซาโตะ (Sunai no Sato)
บริษัท คาโนะโชวจูอันได้สร้างสุไนโนะซาโตะ ขึ้นในคอนเซปการดื่มด่ำในรสชาติของขนมไปพร้อมๆ กับการชื่นชมธรรมชาติ
อาโมะ เป็นขนมญี่ปุ่น (วาคาชิ) ที่ขึ้นชื่อของที่นี่ โดยเป็นการนำถั่วแดงอังโกะมาเคลือบโมจิที่ด้านนอก นอกจากนั้นยังมีขนมญี่ปุ่นแบบอื่นๆ และเหล้าบ๊วยยขาย
ร้านอาหารด้านในครับ
ซึ่งมื้อนี้เป็นโซบะ จะมีข้าวสวยมาตบท้ายให้ ....
วันนี้ทางทีมงานเพจได้รับเกียรติจาก Mr. Shinohara Takayuki ผู้บริหารของที่นี่จะมา สาธิตขั้นตอนการปรุงข้าวในหม้อไฟครับ
1. เครื่องปรุงก็จะมีข้าว ไข่ดิบ ต้นหอม และ สาหร่าย
2. ให้เทข้าวลงไปในหม้อไฟที่กำลังเดือด
3. ตอกไข่ใส่ถ้วยและตีไข่
4. เทไข่ลงไปให้หม้อไฟ
5. คนข้าวและไข่เบาๆ ให้เข้ากัน
6. ตักใส่ถ้วยข้าว
7. โรยหน้าข้าวด้วยเครื่องปรุง สาหร่าย และต้นหอมซอย
จากนั้นก็ いただきます * อิตะดะคิมัส ทานเลย .... อร่อยมาก
นอกจากนี้ยังมีห้องพิธีชงชาไว้ต้อนรับลูกค้า
ส่วนการเดินทางมายังสุไนโนะซาโตะ มีรถรับส่งจากสถานีอิชิยามะ (Ishiyama station) ในเวลาเดินทางทั้งหมด 30 นาที
รอบรถ จากสุไนโนะซาโตะ จากสถานีอิชิยามะ
10.05 13.30
12.00 14.30
14.00 15.30
15.00 16.40
ขอบอกว่าขนมและอาหารที่นี่อร่อยจริงๆ ครับ
ผมจะพาเพื่อนๆ ไปล่องเรือชมทะเลสาบต่อกครับ
บิวาโกะคิเซน มิชิแกน (Mishigan Cruise)
รอบการล่องเรือมิชิแกนคอร์ส 80 นาที ราคา ผู้ใหญ่ 2780 เยน นักเรียน 2260 เยน เด็ก 1390 เยนครับ
ส่วนถ้าเพื่อนๆ อยากทานอาหารบนเรือก็ได้นะครับ เริ่มต้นที่ 2500 เยน (ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2016 จะมีการปรับราคาเป็นเริ่มต้นที่ 2700 เยน )
ไปขึ้นเรือกันครับ
บรรยากาศบนเรือ
มีบริการเครื่องดื่มสำหรับผู้โดยสารที่จองที่นั่ง (ผู้ใหญ่ 1030 เยน) เริ่มต้นที่ราคา 400 เยน
วิวสวยๆ
ต่อจากนั้นผมจะพาเพื่อนๆ ไปยัง วัดมิเดระ หรือวัด องโจวจิ (Miidera Temple)
วัดนี้มีชื่อเสียงในศาสนาพุทธนิกายมหายาน ไทได ทาราไคโด ภายในวัด ท่านสามารถเยี่ยมชมมรดกทางประวิตศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่น
ที่ตกแต่งไว้อย่าง หลากหลายเหลือคณานับในห้องโถงหลัก อีกทั้งยังสามารถเยี่ยมชม หอคันนงที่เชื่อว่าเป็นสถาณที่สถิตของพระโพธิสัตว์ และทางวัดยังเป็นวัดลำดับที่ 14 จาก 33 วัดของภูมิภาคคันไซ ที่ผู้คนนิยมมาสักการะ
วัดองโจวจิก่อตั้งขึ้นเมื่อคริสต์ศักราช 672 หลังจากการสวรรคตของจักรพรรดิเทนจิได้เกิดสงครามแย่งชิงบัลลังก์ หรือที่เรียกว่า สงครามชินจิน ระหว่าง
โอโตโมโมมิโกะ หรือ จักรพรรดิ โคบุน (พระราชโอรสของจักพรรดิเทนจิ) และ เจ้าชายอาโอมาโนะ (พระเชษฐาของจักรพรรดิเท นจิ) หลังจากจักรพรรดิโคบุนได้เสด็จสวรรคตในสงคราม เจ้าชาย โอโตโมะยาทาโอะ ได้บริจาคที่ดินของปราสาทเพื่อสร้างเป็นวัดเพื่อเป็นการระลึกถึงพระบิดา และได้ทรงพระราชทานนามวัดว่า องโจวจิ
ตามแผ่นจารึกในสมัยจักรพรรดิเทนมุ พระเถระ ชิโชวไดชิ เอ็นชิน ได้นำหลักธรรมของศาสนาพุทธนิกายมหายานเข้ามาเผยแพร่ ในวัดองโจวจิ ในสมัยโจกัน (คริสต์ศักราช 859-877) หลังจากที่พระเถระเอ็นชิน ได้มรณภาพก็เกิดการความขัดแย้งขึ้นระหว่างกลุ่ม ซันมอน (วัดเอ็นเรียคุจิ) และ กลุ่มเก็นเป ซึ่งมีการเผาทำลายตัววัดจนเกิดความเสียหายทั้งทางด้านเหนือและด้านตอนใต้ของ ทางวัด แต่พุทธศาสนิกชนที่นับถือใน พระเถระเอ็นชินได้รักษาและถ่ายทอดคำสอนของท่านมาจนถึงปัจจุบัน นอกจากนั้นแล้วยังสามารถเข้าชมงานเทศกาลตามฤดูที่ทางวัดได้จัดขึ้นอีกด้วย เช่น งานจัดไฟประดับชมซากุระ 1000 ต้นตอนกลางคืนในฤดูใบไม้ผลิ หรือ งานชมใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงฤดูใบไม้ร่วง
ความงามซากุระสามารถชมได้ช่วงเมษายนและ ใบไม้แดงช่วงเดือนพฤศจิกายน
เพื่อนๆ สามารถเดินมายังที่วัดได้จากสถานี เคย์ฮังมิเดระ (Miidera station) ประมาณ 20 นาที
ครั้งนี้ทีมงานได้มาสัมผัสเมืองโอทสึเพียงไม่นานก็ได้หลงรักที่นี่แล้ว โอกาสหน้าทีมงานจะเจาะลึกเมืองนี้มาฝากเพื่อนๆ อีกนะครับ
ขอบคุณครับ