สวัสดีค่ะวันนี้จะพาเพื่อนๆ ไปเจาะลึกรายละเอียดการเดินทางเที่ยว Okayama ซึ่งจะมีพร้อมทั้งกิจกรรม ที่พัก ร้านอาหาร ฯ มาให้เพื่อนๆ ตามรอยได้ง่ายเลยค่ะ
สมญานามของ Okayama ก็คือ "ดินแดนแห่งแสงตะวัน" เพราะมีภูมิอากาศอบอุ่น เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเองและต่างชาติค่ะ ดังนั้นทีมงานจึงมีความภูมิใจที่จะได้นำเสนอ Model Course อันน่าสนใจ ให้เพื่อนๆ ตามรอยอย่างมีความสุขแน่นอนค่ะ
Model Course วันที่ 1 💝 สถานี Shin Osaka - สถานี Okayama - ศาลเจ้า Kibitsu Shrine - นอน Hotel Granvia Okayama
วันนี้เราตั้งต้นเดินทางออกจาก Shin Osaka โดยนั่งรถไฟสาย Hello Kitty Shinsen น่ารักๆ ประมาณเที่ยง แล้วจะไปลงสถานี Okayama จากนั้นก็เที่ยวแบบเบาๆ กันก่อนค่ะ
ภายในขบวนนะคะ แสนน่ารักเลย
แพพเดียวเราก็มาถึงสถานี Okayama ละค่ะ
เดินออกมานอกสถานี ทักทาย Momotaro หน่อยค่ะ
วันนี้เรานอนที่ Hotel Granvia Okayama หน้าสถานี Okayama เลยค่ะ สะดวกสบายมาก เอาของไปฝากก่อน
อันนี้เป็นลิงก์การจองนะคะ 💝 https://www.granvia-oka.co.jp/en/
จากนั้นเราจะนั่งรถไฟสาย JR Momotaro Line จากสถานี Okayama ไปยังสถานี JR Kibitsu เพื่อไปยังศาลเจ้า Kibitsu Jinja จะใช้เวลาประมาณ 15 นาที
ศาลเจ้า Kibitsu เป็นศาลเจ้าที่เกี่ยวพันอย่างใกล้ชิดกับเจ้าชาย Kibitsuhiko-no-Mikoto เชื่อกันว่าเป็นที่มาของนิทานพื้นบ้าน Momotaro ค่ะ
ตำนานเล่าว่าหลังจากที่ยักษ์ Ura ได้รบแพ้เจ้าชาย แม้ร่างจะสลายแต่หัวของยักษ์ยังอยู่ และส่งเสียงร้องคำราม อย่างต่อเนื่อง แม้จะเหลือเพียงกระโกหลก เจ้าชายจึงตัดสินใจฝังหัวกระโหลกนั้น เพื่อแสดงความเคารพตามศาสนาชินโต
แล้วยักษ์ Ura ก็มาเข้าฝันเจ้าชายพร้อมยื่นข้อเสนอว่า “หากท่านตายและกลายมาเป็นเทพเจ้า ข้าจะเป็นบริวารอันดับหนึ่งของท่าน ข้าจะบอกผู้คนทั่วเมืองว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกต้องควรทำ เมียของข้าจะเฝ้าครัวและทำอาหารให้ท่านกินทุกมื้อ”
ด้วยเหตุนี้เองศาลเจ้าแห่งนี้จึงถูกสร้างขึ้นมาพร้อมกับห้องครัวที่อยู่บนตำแหน่งที่หัวของยักษ์ฝังอยู่ และคงยังส่งเสียงก้องกังวานจากใต้ดินผ่านยังเตาโบราณ โดยจะมีผู้หญิงที่ทำหน้าที่หุงข้าวตามตำนานค่ะ
ซึ่งจากความเชื่อนี้ในปัจจุบันทางศาลเจ้าจะมีบริการทำพิธีเสี่ยงทายโชคชะตาด้วยการฟังเสียงข้าวสุกจากหม้อจุดมีหัวของยักษ์ฝังอยู่ข้างใต้หม้อ จากนั้นก็ฟังเสียงดังกังวานจากการหุงข้าวทำนองว่าหากได้ยินเสียงดังออกมาก็แสดงว่าสิ่งที่ปรารถนาจะเป็นจริงค่ะ
นอกจากนี้ศาลเจ้ายังมีจุดถ่ายภาพสวยซึ่งเป็นทางเดินไม้ยาว 360 เมตรที่เชื่อมยาวจากตัวศาลเจ้าไปยังห้องครัวดังกล่าว ซึ่งจะมีทัศนียภาพสวยๆ เช่นดอกไม้ตามฤดูกาลตลอดเส้นทางค่ะ
ร้านค้าต่างๆ ในศาลเจ้าค่ะ
รายละเอียด ศาลเจ้า Kibitsu Jinja ⛩ Okayama
- การเดินทาง 🚃 เดิน 10 นาทีจาก JR Kibitsu ค่ะ
- เวลาเปิดทำการ ⛩ ตัวศาลเจ้าเปิด 5:00 น. - 18:00 น. ส่วนร้านค้า ร้านค้า 8:30 น. - 16:00 น. ค่ะ
(ทีมงานได้รับอนุญาตจากทางศาลเจ้าให้ถ่ายภาพในห้องครัว ซึ่งปกติจะงดการถ่ายภาพนะคะ )
เรากลับมาเดินเล่นในเมืองกันต่อค่ะ แบบสบายๆ จะได้ละเลียดความสุขใน Okayama กัน
ซึ่งหน้าโรงแรมที่พักในคืนนี้แวดล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้า ทั้ง Aeon ดองกิ ฯ เดินช๊อปกันเพลินเลยค่ะ
ส่วนมื้อเย็นวันนี้เราทานกันที่ร้าน Akari Okayama ได้ชิมอาหารญี่ปุ่นแท้ๆ อร่อเลยค่ะ
ทานด้วยกันเลยค่ะ
อิ่มท้องแล้ว ก็กลับมาพักผ่อนกับห้องกว้างๆ สบายๆ ที่ Hotel Granvia Okayama กันค่ะ
Model Course วันที่ 2 💝 สวนผลไม้ Tomomien - สวน Okayama Korakuen - ปราสาท Okayama - นอน Central Hotel Okayama
สมญานามของ Okayama ก็คือ "ดินแดนแห่งแสงตะวัน" เพราะมีภูมิอากาศอบอุ่น จึงมีผลไม้อร่อยๆ ให้กินตลอดปี แต่ที่ขึ้นชื่อสุดๆ ก็ต้องพีชละค่ะ เช้าวันนี้จะมาเพื่อนๆ ไปเก็บพีชกันที่สวน Tomomien กันค่ะ
กิจกรรมแสนสนุกนี้เพื่อนๆ จะได้เก็บลูกพีชสดๆ จากสวน โดยเฉพาะพีชสายพันธุ์ท้องถิ่นอย่าง “โอคายาม่า ฮะคุโตะ” ลูกพีชสีขาวเนียนที่รสชาติหวานหอม ฉ่ำ ละมุนลิ้น จริงๆ เลยค่ะ (เก็บได้ช่วงกค. - สค. นะคะ )
นอกจากลูกพีชของขึ้นชื่อแล้ว ยังมีองุ่นพันธุ์มัสกัสให้ได้ลิ้มลองความสดจากต้นอีกด้วยนะคะ
ไปเก็บผลไม้แล้ว เราก็กลับมาเที่ยวในตัวเมืองกันต่อค่ะ เริ่มด้วยหาอาหารสไตล์ Okayama ที่เรียกว่า Okayama Demi-Katsudon กันก่อนเลยค่ะ ที่ร้าน Ajitsukasa Nomura เดินไม่ไกลจากสถานี Okayama ค่ะ
เมนูนี้เป็นข้าวสวยร้อนๆ หน้าหมูชุบเกล็ดขนมปังทอด กะหล่ำปลีซอย ราดซอสเดมิกลาส เมนูเด็ดสไตล์ตะวันตกของ Okayama ค่ะ นอกจากนี้ก็ยังมีเมนู katsudon และ tonkatsu ปกติอีกด้วยค่ะ
สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวในตัว Okayama ที่สบายและไปถึงจุดท่องเที่ยวสำคัญนั้นนอกจากเดินแล้วอีกอย่างที่ได้รับความนิยมก็คือรถราง OKADEN ค่ะ
และหนึ่งในรถรางลายน่ารักๆ ที่ต้องถ่ายภาพเป็นที่ระลึกก็คงต้องเป็นรถราง Tama ค่ะ
งั้นเรานั่งรถรางเดินทางไปเที่ยว สวน Okayama Korakuen Garden และ ปราสาท Okayama ในช่วงบ่ายกันต่อค่ะ
สำหรับสวนแห่งนี้เมื่อราว 300 ปีก่อนไดเมียว (เจ้าผู้ครองแคว้น) ของย่านนี้ได้สร้างสวนญี่ปุ่นงดงามสมบูณ์แบบแห่งนี้ขึ้นที่ Okayama Korakuen Garden เป็นสัญลักษณ์ของอำนาจ ซามุไร นับเป็นหนึ่งในสามสวนที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่น เช่นเดียวกับ Kenroku-en แห่ง Kanazawa ใน Ishikawa และ Kairakuen แห่ง Mito ใน Ibaraki
อนึ่งสวนรอบ Enyo-tei House ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยนี้ มีพื้นที่ประมาณ 13 เฮกเตอร์ ภายในมีเวทีละครโน บ่อน้ำ เนินเขา ทิวต้นบ๊วย และไร่ชา มีสนามหญ้าขนาดใหญ่โล่งๆ ซึ่งไม่ค่อยพบในสวนญี่ปุ่นทั่วไป
สำหรับภายในสวนนั้นมีทางเดินรอบแห่งนี้วางผังเป็นอย่างดี นักท่องเที่ยวจึงได้ชมทิวทัศน์ที่แตกต่างเมื่ออยู่บน Yuishinzan Hill หรือเมื่อเดินเลียบบ่อน้ำ จาก Enyo-tei House ใกล้ประตูใหญ่ จะมองเห็นสวนที่สวยงามซึ่งมี Okayama Castle และภูเขารายล้อมเป็นฉากหลังแสนงดงามตรึงใจ
ที่กลางสวนมีเรือนพักผ่อน Ryuten Rest House ซึ่งมีน้ำไหลผ่านใต้อาคาร นักท่องเที่ยวจะได้มองทางน้ำไหลผ่านบริเวณนี้ อดีตไดเมียวมาที่นี่เพื่อหลบร้อน ชื่นชมสายน้ำที่ไหลผ่านอย่างสงบเงียบค่ะ
ภายในสวนยังมีฝูงนกกระสาและสิ่งที่น่าสนใจอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นทิวต้นบ๊วย 100 ต้น ดอกไม้บานตามฤดูกาล เช่น ซากุระ อาซาเลีย ไอริส และดอกบัวในฤดูใบไม้ผลิ ใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงที่งดงามตระการตา สวนจะเปิดบริการตอนกลางคืน ในช่วงเทศกาล “Genso Teien (สวนแห่งความฝันในยามราตรี)” เทศกาลยอดนิยมที่จัดขึ้นในช่วงหน้าร้อนและฤดูใบไม้ร่วง นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสความงามของสวนที่ถูกไลท์อัพด้วยแสงเทียนและอื่นๆ ซึ่งเป็นภาพที่งดงามแตกต่างจากตอนกลางวัน ที่ Shikisai ร้านอาหารญี่ปุ่น (วะโชคุ) ในสวนบริการเมนูเด็ดจากส่วนผสมตามฤดูกาลซึ่งป็นผลผลิตของ Okayama และ ที่ร้านน้ำชานักท่องเที่ยวจะได้ดื่มด่ำไปกับชามัชชะหอมๆ และขนมแต่ละฤดูอีกด้วยค่ะ
เมื่อชมสวนแล้ว เราก็เดินทะลุสวนด้านหลังไปยังปราสาท Okayama กันค่ะ เป็นหนึ่งในร้อยปราสาทยอดนิยมในญี่ปุ่น ที่ใช้เวลาสร้าง 8 ปีจนแล้วเสร็จในปี 1597 โดยหลังจากถูกทำลายในช่วงสงครามจึงได้มีการบูรณะขึ้นใหม่ในปี 1966 ปราสาทนี้มีชื่ออีกชื่อคือ U-jo หรือปราสาทอีกา ซึ่งตั้งตามสีปราสาทด้านนอกที่ดำเหมือนอีกา และมีชื่อเสียงในฐานะปราสาทที่มีลักษณะตรงกันข้ามกับสีขาวของ Himeji Castle
ด้านในปราสาทผู้เข้าชมจะได้แต่งตัวเป็นเจ้าเมืองหรือเจ้าหญิง (ฟรี) หรือจะเลือกสัมผัสวิถีนักรบ นั่งเกี้ยว daimyo พาหนะแบบญี่ปุ่นโบราณ และถ่ายรูปเป็นที่ระลึกอีกด้วยค่ะ
รายละเอียดการเข้าชม สวน Okayama Korakuen Garden และปราสาท Okayama
💝 ราคาการเข้าชม - ผู้ใหญ่ 410 เยน / นักเรียน (ระดับประถมและมัธยมต้น) ฟรี (ต้องใช้บัตรนักเรียน) / ผู้สูงอายุ (65 ปีขึ้นไป) 140 เยน
💝 บัตรชุด Okayama Korakuen Garden และ Okayama Castle: ผู้ใหญ่ 580 เยน (15 - 64 ปีี)นักเรียน 260 เยน (ระดับประถมและมัธยมต้น) / Okayama Korakuen Garden, Okayama Castle และ Hayashibara Museum of Art: ผู้ใหญ่ 980 เยน (15 - 64 ปีี)
💝วิธีการเดินทาง - นั่งรถรางจากหน้าสถานี Okayama ลงที่สถานี Shiroshita แล้วเดินต่ออีกประมาณ 10 นาทีค่ะ
ได้เวลาอาหารเย็นกันอีกแล้ว เย็นนี้เราทานที่ร้าน ikiya หน้าสถานี Okayama กันค่ะ
ร้านนี้เป็นร้านสไตล์อาหารญี่ปุ่นโบราณ รับประกันได้ถึงความสดอร่อยค่ะ 🍣 🍣 🍣
พิกัดร้าน 🍣 เดินจากสถานี Okayama ประมาณ 10 นาที
คืนนี้ทีมงานมาพักที่ Central Hotel Okayama ค่ะ
ราคาไม่แพงเริ่มพันบาทนิดๆ สะอาด ะดวกสบาย เดินจากสถานี Okayama เพียง 10 นาที ไว้เป็นตัวเลือกที่พักทริปหน้าของเพื่อนๆ ณ Okayama นะคะ
พิกัดร้าน 🍣 เดินจากสถานี Okayama ประมาณ 10 นาที
Model Course วันที่ 3 💝 นั่งรถไฟ La Malle de Bois - กิจกรรมหลากหลายที่ Kurashiki Bikan Historical Quarter - นอน Hotel Kurashiki Ivy Square
ตื่นเช้ามาเราเตรียมย้ายที่พักไปต่อยังเมืองคลองสวย Kurashiki กันค่ะ
พอเข้าไปในสถานี Okayama เห็นรถไฟสวยน่ารัก ขอถ่ายภาพก่อนนะคะ 🚅 🚅 🚅
รถไฟลายอันปันแมนนี้วิ่งระหว่างสถานี ณ สถานี Okayama ไปยังเมืองต่างๆ ของเกาะ Shikoku เช่น Takamatsu ในจังหวัด Kagawa และ Matsuyama ในจังหวัด Ehime
ซึ่งรถไฟอันปันแมนนี้ผลิตเพื่อเป็นการให้เกียรติอาจารย์ยานาเสะ ทาคาชิ ที่มีบ้านเกิดในจังหวัด Kochi รวมทั้งเป็นการโปรโมทการท่องเที่ยวให้ทางเกาะ Shikoku นั่นเองค่ะ
ส่วนรถไฟที่เราจะไป Kurashiki กันคือขบวนนี้ค่ะ - La Malle de Bois
รถไฟสไตล์ Joyful Train ที่มีชื่อว่า La Malle de Bois (แปลว่ากระเป๋าเดินทางไม้ ) วิ่งเริ่มต้นจากสถานี Okayama ไปยังจุดหมายต่างๆ เช่น Uno, Onomichi ของ Hiroshima รวมถึงข้ามทะเลไปยังเมือง Kotohira และ Takamatsu ในจังหวัด Kagawa บนเกาะ Shikoku อีกด้วยค่ะ
สำหรับการตกแต่งรถไฟขบวนนี้ ด้านนอกจะเป็นธีมขาวดำ ส่วนด้านในจะเป็นพื้นไม้ ส่วนที่นั่งจะเป็นเบาะสีเขียว และ เก้าอี้สตูลไม้ดูคลาสสิคมากๆ ที่ดูเจ๋งมากก็คือมีที่วางจักรยานด้วยถึง 8 คัน เพราะจุดหมายต่างๆ ของรถไฟเส้นนี้นั้นเหมาะกับการขี่จักรยานชมวิวมากมายยกตัวอย่างเช่น สถานี Uno นั้นจะเป็นจุดเริ่มต้นข้ามไปยังเกาะ Naoshima Island ที่มีศิลปะกลางแจ้งที่เป็นฟักทองสีเหลืองลายจุดของคุณป้า Yayoi นั่นเองค่ะ
นอกจากนี้มุมหนังสือ มุมคาเฟ่ ฯ ให้เราได้เพลิดเพลินกับการเดินทางครั้งนี้อีกด้วยค่ะ
งั้นเราก็ทานกลางวันกันบนรถไฟเลยนะคะ ขอบอกว่าอร่อยมาก ทั้งคาวและหวาน
ตัวอย่างค่ารถไฟ 🚅🚅🚅
🚅 ระหว่างสถานี Okayama-Uno ผู้ใหญ่ 1,370 เยน
🚅 ระหว่างสถานี Okayama-Onomichi ผู้ใหญ่ 2,340 เยน
เราลงรถไฟที่สถานี Kurashiki สำหรับกิจกรรมต่างๆ ที่ Kurashiki มีมากมายเลยค่ะ เที่ยววันเดียวไม่หมดแน่ๆ เพื่อนๆ ต้องค้างซักคืนนะคะ กำลังดีเลย
สมัยก่อน Kurashiki เป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าที่รุ่งเรืองในศตวรรษที่ 17 ในปัจจุบันเป็นย่านที่อบอวลไปด้วยความอบอุ่นและสงบชวนให้มาพักผ่อนจริงๆ ค่ะ
สำหรับย่าน Kurashiki Bikan Historical Quarter ที่เพื่อนๆ คุ้นเคยกันดีที่จะเห็นบ้านญี่ปุ่นโบราณสีขาวและต้นหลิวน้อยใหญ่เรียงรายริมแม่น้ำ Kurashiki แล้วยังมีทั้งพิพิธภัณฑ์หลากหลาย ร้านค้าน่ารักๆ ร้านขนมอร่อยๆ รวมทั้งการจัดแสดงงานศิลปะนานาชาติอีกด้วยค่ะ
สำหรับกิจกรรมที่เป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ก็คงไม่เกิน Traditional Boat Tour of Kurashiki Canal ก็คือนั่งเรือลำน้อยที่มีคนแจวแบบโบราณ นอกจากได้ชมความงามของบ้านเรือนสีขาวโดยเฉพาะในช่วงซากุระและใบไม้เปลี่ยนสีที่เพื่อนๆ จะได้ชมทัศนียภาพสวยๆ ตลอดสองฝั่งแม่น้ำเลยค่ะ
การเดินทาง 🚃 เดินจากสถานี Kurashiki ประมาณ 15 นาที
ไปถึงย่านโบราณคลองสวย Kurashiki Bikan Historical Quarter แล้วสาวๆ ก็ต้องจัดกิโมโนเดินใส่ชมเมืองเก่าหน่อยค่ะ
แต่ชุดกิโมโนที่นี่เก๋ไม่เหมือนใคร เพราะ Okayama เขาดังเรื่องเดนิมหรือยีนส์ ก็เลยมีกิโมโนเดนิมให้เช่าเดินเข้าบรรยากาศเมืองเก่าเลยค่ะ
ส่วนตัวทีมงานขอแนะนำร้าน KIMONO KOMACHI มีลายให้เลือกเยอะ ทั้งตัวชุดและโอบิน่ารักๆ สำหรับตัวอย่างราคาเช่าชุดเซ็ตนี้อยู่ที่ 5,500¥ ส่วนค่าทำผม 1,300¥ ค่ะ แต่ถ้าถูกใจอยากตัดเป็นของตนเองก็ได้นะคะ สามารถสั่งตัดได้ที่ร้านนี้ และ จะได้ชุดอีกประมาณ 1 เดือนค่ะ
ถ้าหากพูดถึง Okayama แล้วที่ดังอีกอย่างก็คือเดนิมหรือยีนส์คุณภาพดีสุดๆ อย่างยี่ห้อ Momotaro ของญี่ปุ่น ถ้าไม่อยากไปถึง Kojima แล้ว เอาแค่หอมปากหอมคอแบบเที่ยวทีเดียวได้ครบทั้งล่องเรือ เที่ยวชมมิวเซียม กินพาร์เฟต์อร่อยๆ แล้วก็ต้องเข้าซอย Kurashiki Denim Street - 倉敷デニムストリート ที่ย่าน Kurashiki Bikan Historical Quarter ที่นี่แหละค่ะ
Kurashiki Denim Street เป็นซอยเล็กๆ หาง่าย อยู่เส้นริมคลองนั่นแหละ เดินจาก Kurashiki Tourist Information แค่ 100 เมตร เพื่อนๆ จะะได้เห็นสินค้าเกี่ยวกับยีนส์หรือเดนิมหลากหลายไว้ให้ซื้อหา รวมทั้งมีขนมและอาหารสียีนส์ด้วย เช่นซอฟท์ครีมสีฟ้า และเบอร์เกอร์สีฟ้าเดนิมอีกด้วยค่ะ
สำหรับเพื่อนๆ ที่ชอบอะไรอาร์ทๆ ก็ต้องมาที่ Kurashiki นี่แหละค่ะ มีทั้งมิวเซียมแสดงงานศิลปะทั้งตะวันออกและตะวันตก รวมถึงพิพิธภัณฑ์พื้นเมืองอีกหลายแห่งอีกด้วย
อีกหนึ่งสิ่งที่สายอาร์ทห้ามพลาด ณ Kurashiki นั่นก็คือเทปกาวสวยๆ ที่ทำจากกระดาษญี่ปุ่นที่เรียกว่า Washi ซึ่งมีแหล่งกำเนิดมาจาก Kurashiki นี่เองค่ะ ขอบอกว่าดังมากไม่ใช่แค่ระดับประเทศนะคะ ไปถึงระดับโลกเลยทีเดียว
ที่ร้าน "TANE" นั้นเพื่อนๆ จะได้เห็นเทปกาวเป็นพันชนิดแบบว่าเลือกไม่ถูกเลย ทั้งแบบลายโบราณ ลายคลาสสิค ลายโมเดิร์น รวมทั้งลายลิมิเต็ดเฉพาะ Kurashiki ค่ะ
เดินชมเมืองจนเพลินจนหิวอีกแล้วค่ะ ซึ่งที่ Kurashiki เขามีร้าน Parfait ผลไม้อร่อยๆ หลายร้านเลยค่ะ ลองไปแวะทานกันดูกีกว่านะคะ
สำหรับวันนี้ทีมงานมาขอแนะนำร้าน Kudamono Komachi ในย่านโบราณ Kurashiki Bikan Historical Quarter นี่แหละค่ะ เป็นอีกร้านน่ารักๆ แต่ทีเด็ดก็คือมีที่นั่งแบบ Open Air วิวป่าไผ่เลยค่ะ
ซึ่งทางร้านก็จะนำผลไม้ท้องถิ่นของ Okayama มาทำพาร์เฟต์ในแต่ละฤดู ทั้งสีสันสวยงามและอร่อยแบบนี้ คราวหน้าเพื่อนๆ ห้ามพลาดเลยนะคะ
ได้เวลาเอากิโมโนไปคืนละค่ะ แล้วเตรียมเข้าพักที่ Hotel Kurashiki Ivy Square ทำเลสะดวกมาก ห้องพักกว้างสบายค่ะ
ปิดท้ายทริป Kurashiki วันแรกกับมื้อเย็นง่ายๆ จากร้าน Kurashiki Takadaya ร้านอาหารเล็กๆ แนว Izakaya บนเส้นในถนนโบราณย่านเมืองเก่ากันค่ะ
Model Course วันที่ 4 💝 Momotaro Karakuri Museum - ทำขนม Murasuzume - กลับ Osaka
วันสุดท้ายสำหรับทริป Okayama วันนี้เราจะปิดกันที่ Kurashiki กันอีกนิดก่อนกลับ Osaka ค่ะ
เราออกสายๆ ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม แล้วไปยังพิพิธภัณฑ์ Momotaro Karakuri Museum มีของจัดแสดงที่ล้วนเกี่ยวข้องกับตำนาน Momotaro มีสิ่งที่น่าสนใจมากมายไม่ว่าจะเป็นถ้ำยักษ์แห่ง Onigashima รวมทั้ง Momotaro แอนนิเมชั่น ค่ะ
นอกจากนี้ยังมีร้านขายของที่ระลึกจำหน่ายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับ Momotaro หลายอย่างซึ่งบางอย่างจะเป็นของที่ระลึกที่หาซื้อได้ที่นี่เท่านั้นค่ะ
ค่าเข้าชม 💝 ผู้ใหญ่ 650 เยน / นักเรียน ระดับประถม มัธยมต้น และมัธยมปลาย 450 เยน / เด็กวัยก่อนเรียน 100 เยน
ส่วนมื้อกลางวันส่งท้ายของเรา มาทานของอร่อยๆ กันที่ร้าน Toraiya ในย่านโบราณคลองสวย Kurashiki Bikan Historical Quarter เหมือนเดิมค่ะ
เราปิดทริป Kurashiki กันกับขนมหวาน Murasuzume ดั้งเดิมของ Kurashiki ที่ร้าน Kikkodo กันค่ะ เป็นขนมลักษณะคล้ายเครปไส้ถั่วกวนห่อด้วยแผ่นแป้งรูปวงกลมที่ทำจากไข่และแป้ง ซึ่งแผ่นแป้งด้านนอกนุ่มๆ จับคู่กับถั่วกวนด้านในผสานเป็นความหวานละเมียดละไมค่ะ
นอกจากนี้เพื่อนๆ ยังสามารถลองทำขนมนี้ได้ด้วยตนเองอีกด้วย ทีมงานเลยขอโอกาสทำนำกลับไปฝากเพื่อนที่ Osaka ด้วยเลยค่ะ 🍰🍰🍰
ทานทีมงานหวังว่า ตัวอย่าง Model Course เที่ยวสบายๆ 4 วัน 3 คืนไปในดินแดนดินแดนแห่งแสงตะวัน ณ Okayama จะทำให้เพื่อนๆ มองเห็นภาพการเที่ยว Okayama อย่างคุ้มค่า และได้รับความสุขอย่างเต็มที่แบบไม่ต้องรีบร้อน แล้วเพื่อนๆ จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ความสุขจากทริปนี้แน่นอนค่ะ
ได้เวลากลับ Osaka แล้วค่ะ
แล้วพบกันใหม่
ทีมงาน Japanthaifanclub