สวัสดีค่ะ
รีวิวนี้จะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวตะลุยหิมะที่ Iwate , Akita และ Aomori ในภูมิภาค Tohoku ในตอนที่ 1 กันค่ะ
รายละเอียดการใช้ Pass นะคะ 🚅 http://japanwow001.blogspot.com/2022/02/jr-east-pass-tohoku-area-2022-5.html
วันที่ 1 🚅 Tokyo - Iwate
เราตั้งต้นจากนั่งรถไฟชินคันเซนจากสถานี Tokyo ไปยังปลายทางที่สถานี Ichinoseki และใช้พาสต่อรถไฟท้องถิ่นไปยัง Hiraizumi , Iwate กันค่ะ
เราถึงเมืองมรดกโลก Hiraizumi , Iwate ประมาณเที่ยง ก็เลยทานกลางวันเป็นอาหารท้องถิ่นเป็นโซบะกันก่อนค่ะ 🍜🍜🍜
ที่ร้าน Ekimae Basyoukan เป็นร้าน Wankosoba ซึ่ง Iwate Wankosoba นั้นเป็น 1 ใน 3 ของ Wankosoba ซึ่งอีกสองแห่งก็คือที่ Nagano และ Shimane ค่ะ
ร้าน Ekimae Bashokan นี้จะเสิร์ฟอาหารมาในถ้วยเล็กๆ เป็นเซ็ต ๆ ละ 24 ถ้วย เป็นสไตล์ของทาง Hiraizumi ต่างจากที่อื่น ซึ่งถ้าเพื่อนๆ อ้าปากกว้างๆ ก็สามารถคีบกินจนหมดได้ในคำเดียวคร่าาา ..... โดยวิธีกินคล้ายกับโซบะเย็นที่เราคุ้นเคย คือจุ่มเส้นโซบะลงในน้ำซอสค่ะ
สำหรับการเสริฟสไตล์ Hiraizumi นั้นจะยกมาเสริฟให้เลยสองถาดใหญ่ ถาดละ 12 ถ้วย (2000 เยน ) ค่ะ ซึ่งถ้าหมดโควิดแล้วหวังว่าจะได้กลับมาสนุกกับวัฒนธรรมดั้งเดิมของ Wankosoba อีกครั้งนะคะ
เรื่องราวของร้าน 🍜 http://www.wankosoba.com/history/
เวปไซด์ร้าน 🍜 http://www.wankosoba.com/
พิกัด 🍜 https://goo.gl/maps/UfT1qf711SKwGivr5
เวลาทำการ 🍜 10:00~18:00 (วันหยุดแล้วแต่ทางร้านกรุณาเช็คกับทางร้านโดยตรง ทางโทรศัพท์หรือโฮมเพจ)
การเดินทาง 🍜 เดิน 1 นาที จากสถานีรถไฟ JR Hiraizumi ค่ะ
หลังจากทานกลางวันเสร็จแล้วไปเยือนวัดมรดกโลกกันต่อค่ะ
วัด Chusonji ตั้งอยู่ในเมือง Hiraizumi จังหวัด Iweate สร้างขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 12 โดยตระกูลฟูจิวาระแห่งโอชูซึ่งปกครองภูมิภาคโทโฮคุในสมัยนั้น ด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าที่อยากให้เมืองสงบสุขปราศจากสงคราม ในปี 1124 และที่สำคัญวัดนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 2011 ค่ะ
สำหรับวิหารทองคำทั้งหมดจะถูกเคลือบด้วยทองทั้งภายนอกและภายใน สร้างเสร็จในปี 1124 เป็นอาคารแห่งเดียวของวัดจูซนจิที่สร้างในศตวรรษที่ 12 และที่ยังคงสภาพเดิมอยู่ได้ อาคารโถงเล็กสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้อมิตา เนียวไร (พระพุทธเจ้าแห่งแสงสว่างที่ไม่สิ้นสุด) ค่ะ
เวปไซด์ 🙏 https://www.chusonji.or.jp/language_th/index.html
พิกัด 🙏 https://goo.gl/maps/KSXgQchn7GywmLAT7
เวลาทำการ 🙏 เปิดตลอดทั้งปี / 1 มีนาคม ถึง 3 พฤศจิกายน 8:30-17:00 น. / 4 พฤศจิกายน ถึง ปลายกุมภาพันธ์ 08:30-16:30 น.
ค่าเข้า 🙏 ผู้ใหญ่: 800 เยน เด็กนักเรียนมัธยมปลาย: 500 เยน เด็กนักเรียนมัธยมศึกษาต้น 300 เยน และประถมศึกษา: 200 เยน
การเดินทาง 🙏 นั่งบัส 10 นาทีหรือเดิน 15 นาทีจากสถานี Hiraisumi
ช่วงบ่ายเราไปเยือนหมู่บ้านแห่งเทพนิยาย Miyazawa Kenji Dowa Mura กันค่ะ
คุณ Miyazawa Kenji ชายผู้ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมือง Hanankaki , Iwate ซึ่งในมิวเซียมนี้ เพื่อนๆ จะสามารถเดินชมสิ่งของเครื่องใช้ส่วนตัว รวมถึงผลงานที่โด่งดังของเขา อาทิบทกวี “อาเมะ นิ โมะ มาเคซุ” แปลได้อย่างคร่าว ๆ ว่า "อย่าพ่ายแพ้ให้กับสายฝน" และนิทานสำหรับเด็กอย่าง “รถไฟสายทางช้างเผือก” ที่่รู้จักกันอย่างดีค่ะ
พิกัด 🚂 https://goo.gl/maps/cbHqZMbRvaTPB4yh8
การเดินทาง 🚂 รถบัสจากสถานี ShinHanamaki ลงป้าย Kenjikinemkankuchi ประมาณ 5 นาที
เวลาทำการ 🚂 8:30 น. ถึง 16:30 น. (วันหยุดประจำปี 28 ธันวาคม ถึง 1 มกราคม)
ค่าเข้า 🚂 ฟรี แต่เสียค่าเข้าเฉพาะโซนโรงเรียนของเคนจิผู้ใหญ่: 350 เยน นักศึกษาและนักเรียนมัธยมปลาย: 250 เยน นักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นและประถมศึกษา: 150 เยน
แค่วันแรกก็สนุกมากแล้วค่ะ คืนนี้เรามาพักกันที่ Hachimantai Mountain Hotel ⛄ ที่ จังหวัด Iwate กันค่ะ
ภูเขา Iwate และภูเขา Hachimantai ได้รับเลือกให้เป็น 2 ใน 100 ภูเขาที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น - ในปี 1964 คุณคิวยะ ฟุคาดะ นักเขียนและนักปีนเขาใช้ “ความสง่างาม ประวัติศาสตร์ และเอกลักษณ์” เป็นมาตรฐานในการเลือก เพื่อเขียนลงในบทความของเขาที่ชื่อ "100 ภูเขาที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น"
เมือง Hachimantai นั้นมีภูเขาที่มีชื่อเสียง 2 ลูกนี้ตั้งอยู่ และเป็นแหล่งรีสอร์ตในภูเขาที่สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ที่ Hachimantai Mountain Hotel ค่ะ
นอกจากการบริการห้องพัก ออนเซ็น ลานสกี และดูดาวในช่วงกลางคืนแล้ว ทางโรงแรมยังมีพนักงานที่การรับรองจาก Japan Mountain Guides Association ในการแนะนำการป่าแบบธรรมชาติไปถึงการปีนเขาค่ะ
เวปไซด์ ⛄️ https://hachimantai-mountainhotel.com/en/
พิกัด ⛄️ https://goo.gl/maps/Mn6tF9zvwWSadMLVA
การเดินทาง ⛄️ ให้นั่งรถไฟ JR Hanawa Line จากสถานี Morioka แล้วลงที่สถานี Obuke ( ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ) และนั่งบัสจากสถานี Obuke ไปประมาณ 30 นาที
เวลาเปิดทำการ ⛄️ ตลอดทั้งปี ไม่มีวันหยุด
วันที่ 2 🚅 Iwate - Akita
ทานข้าวเช้ากันกับวิวสวยๆ กันก่อนเลยค่ะ
เช้านี้เราไปเล่นกิจกรรมที่ลานสกีของโรงแรมในส่วนของ The Panorama Ski Area กันค่ะ
ที่นี่มีให้บริการทั้งสกี สโนว์บอร์ด หรือจะเป็นสโนว์ทูบบิ้ง หรือไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นระดับใดก็ตามยังมี “Winterland ” ที่สร้างขึ้นมาสำหรับผู้เล่นมือใหม่และผู้เล่นที่มาเป็นครอบครัวโดยเฉพาะ กิจกรรมเช่น สโนว์โมบิล บานาน่าโบ๊ท ราฟติ้ง(แพยาง) ที่จะสามารถเล่นกับหิมะได้อย่างสนุกสนานกันทั้งครอบครัวเลยทีเดียวค่ะ
เวปไซด์ ⛄️ https://www.hachimantai.co.jp/en/winter_activities/
กลางวันนี้เราไปทานอาหารร้านอาหารไสตล์ยุโรป Northern Grande Hachimantai ที่จังหวัด Iwate ซึ่งที่ใช้วัตถุดิบในการปรุงอาหารและเครื่องดื่ม จากร้านค้าของคนชุมชนค่ะ
อาคารนี้ตกแต่งแบบโมเดิร์นและการออกแบบของสถาปนิกผู้หญิงเป็นผู้ออกแบบ จึงทำให้รู้สึกถึงความแข็งแกร่งมีความอ่อนโยนแอบซ่อนอยู่
การเดินทางมาฮาจิมันไตที่อิวาเตะนั้นมีกิจกรรมให้เลือกทำมากมาย รวมถึงการที่อยากพักผ่อนแบบบ้านพักตากอากาศ ทางร้านจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่มาเที่ยวและค้างคืนหลายๆคน เพราะเปิดให้บริการทั้งกลางวันและมื้อค่ำค่ะ
นอกจากอาหารประจำฤดูกาลแล้ว ไฮไลต์คงหนีไม่พ้นขนมหวานที่ใช้สถานที่ที่ท่องเที่ยวบนแอ่งน้ำบนยอดเขา ถ้ามองลงมาจากมุมสูงจะคล้ายคลึงกับตาของมังกร สถานที่นั้นถูกเรียกว่าดราก้อนอาย เป็นที่มาของไอกรีมวนิลาและเยลลี่สีฟ้าที่ให้ความอร่อยที่ลงตัวเสริ์ฟมาบนจานที่ตกแต่งสวยงามคล้ายสถานที่ท่องเที่ยวจริง
นอกจากที่นั่งสำหรับทานอาหารแล้ว ยังมีบาร์สำหรับนักชิมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สุดชิก พร้อมห้องส่วนตัวที่ต้องจองก่อนล่วงหน้า ส่วนตัวคืดไม่ใช่แค่กั้นห้อง ประตูเข้าออกแยกจากลูกค้าทั่วไป มีห้องน้ำในตัวเรียกว่าส่วนตัวสุดๆไปเลยทีเดียว
อีกหนึ่งโซนที่ทางร้านอาหารภูมิใจนำเสนอมากก็คือ ที่ร้านให้บริการWiFi รวมถึงมีเต้ารับที่สามารถชาร์ตแบตได้ทุกเมื่อที่ต้องการ
โซนสุดท้ายคือโซน Create Studio มีไว้สำหรับลูกค้าที่ต้องการเช่าพื้นที่เพื่อสอนทำอาหารหรือใช้เป็นสตูดิโอในการถ่ายอาหารค่ะ
เวปไซด์ 🧁 https://n-grande.com/
พิกัด 🧁 https://goo.gl/maps/9cFm7KPxpdLWkcUE6
การเดินทาง 🧁 ใหันั่งบัสจากสถานี JR Morioka ประตูทิศตะวันออกประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที หรือให้นั่งบัสจากสถานี JR Obuke ประตูทางออกิทศตะวันตกประมาณ 40 นาที
บ่ายนี้เราไปเก็บสตอเบอรี่ทานสดๆ แบบไม่อั้นที่ฟาร์ม SAKAIEN 🍓 ที่จังหวัด Iwate กันค่ะ
ที่ Iwate นอกจากจะมีหิมะให้เล่นให้ชมได้ทั้งเมืองแล้ว ยังมีสถานที่เก็บสตรอเบอรี่สดๆ แบบกินได้ไม่อั้น ณ ฟาร์ม SAKAIEN อีกด้วยค่ะ🍓🍓🍓
ที่ฟาร์มแห่งนี้มีสตรอเบอรี่ทั้งหมด 4 สายพันธุ์ คือ
1. Benihoppe จะมีรสชาติหวานอมเปรี้ยว ทานสดๆ จะอร่อยมาก แต่ถ้าต้องนำไปตกแต่งประกอบอาหารคาวหวานจะนิยมใช้พันธุ์นี้ เนื่องด้วยความสดและสวยของสีสตอเบอรี่จึงนิยมใช้ทำแต่งหน้าเค้ก
2. Sagahonoka จะมีรสชาติไม่เปรี้ยว หวานๆ ชุ่มฉ่ำ
3. Kaorino อันนี้จะมีรสชาติหวานกำลังดี ไม่หวานเกินไป
4. Tokun มีจุดเด่นคือสีชมพูอ่อนเหมือนลูกพีช (ลูกท้อ) สายพันธุ์นี้แนะนำมากๆ เพราะไม่ค่อยเคยเห็นที่ไหนมีให้เก็บทานเลย จะมีกลิ่นเหมือน ลูกพีช(โมโมะ) กลิ่นหอมและหวานมาก
เวปไซด์ 🍓 http://www9.plala.or.jp/saikaen/
พิกัด 🍓 http://www9.plala.or.jp/saikaen/map.htm
การเดินทาง 🍓 เดินจากสถานี Obuke 40 นาที (ต่อนั่งแท็กซี่ 10 นาที)
เวลาทำการ 🍓 เปิดตั้งแต่ 9 โมงเช้า~เช็คกับทางสวนอีกทีนะคะ .... นอกจากสวนสรอเบอรี่แล้ว ยังมีสวนดอกไม้หลากสีสันให้ชมอีกด้วยค่ะ
ค่าบริการเก็บแบบทานในสวนได้ไม่อั้น (50 นาที) 🍓 ผู้ใหญ่ 1,980 เยน (รวมภาษีแล้ว) / เด็กประถม 1,750 เยน / เด็กอายุมากกว่า 3 ขวบ 1,100 เยน
คืนนี้เรามาพักเรียวกังกลางป่าหิมะ ที่ Taenoyu , Nyuto Onsen - Akita กันค่ะ ♨️ ♨️ ♨️
Taenoyu เป็นหนึ่งในออนเซ็น 7 แห่งของหมู่บ้าน Nyuto Onsen Kyo แหล่งแช่พุร้อนท่ามกลางธรรมชาติที่มีชื่อเสียง ตั้งอยู่ในเขตอุทธยานแห่งชาติ Towada Hachimantai National Park ค่ะ
Taenoyu จะมีบ่อออนเซ็นกลางแจ้ง ซึ่งเป็นบ่อรวมชายหญิง สามารถมองเห็นน้ำตกอยู่เบื้องหน้า มีภูเขาเป็นฉากหลังให้เพือ่นๆ ได้ผ่อนคลายขณะกำลังแช่ออนเซ็น แต่หากต้องการความเป็นส่วนตัวก็มีบ่อออนเซ็นแยกชายหญิงให้ด้วยเช่นกันค่ะ
เอกลักษณ์ของน้ำพุร้อนที่นี่จะเป็นสีทองส้ม ในขณะที่เพื่อนๆ แช่น้ำนั้นก็จะให้ความรู้สึกอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอย่างแท้จริงค่ะ
เจ้าของกิจการครอบครัวคนปัจจุบันเล่าว่าเพิ่งปรับปรุงห้องพักใหม่เสร็จเมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ถือว่าเราโชคดีมากๆที่จองได้ช่วงนั้นพอดีค่ะ ถ้าเป็นช่วงปกติต้องจองข้ามปีเลยทีเดียวนะคะ
โอกามิซังหญิงในวัย 72 ปี เล่าอดีตถึงความดื้อรั้นของเธอที่ไม่สนใจสานต่อกิจการเรียวกังของที่บ้าน ในช่วงวัยรุ่นตอนต้นเธอตัดสินใจเข้าโตเกียวและใช้ชีวิตอย่างเต็มที่การการเอาจริงเอาจังในการทำงาน จากนั้นไม่กี่ปีเธอก็ป่วยเป็นโรคมะเร็ง เธอจึงตัดสินใจกลับมายังบ้านเกิดอีกครั้งค่ะ
คนสมัยก่อนเชื่อว่าเธออาจจะไม่ถูกกับน้ำดื่มน้ำใช้ในโตเกียว หลังจากกลับมาได้ไม่ได้เธอก็เข้ารับการรักษาจากหมอที่โรงพยาบาลและดื่มสมุนไพรและน้ำในหมู่บ้านและลงแช่ออนเซนแทบทุกวันจนทำให้เธอหายขาดจากโรคมะเร็ง จากนั้นเธอก็อยู่ช่วยดูแลกิจการมาจนถึงทุกวันนี้ค่ะ
ส่วนที่มาของการมีออนเซนรวม และส่วนตัวไพร์เวท เพราะในสมัยก่อนออนเซนมีไว้สำหรับผู้ชายเท่านั้น แช่ออนเซ็นร่ำสุรา พื้นที่ของออนเซนผู้หญิงน้อยมากหรือแทบไม่มีเลย เธอจึงอยากให้ทุกคนไม่ว่าหญิงชายได้เข้าถึงออนเซ็นได้เท่าเทียมกัน กิจการที่บ้านของเธอจึงเป็นที่แรกๆ ที่บุกเบิกเรื่องนี้ จึงไม่แปลกใจเลยว่าการตกแต่งภายในและการออกแบบจะเน้นความสวยหวาน อบอุ่นกลิ่นไอการออกแบบในสไตล์บผู้หญิง
เธอยังย้ำอีกว่าทุกวันนี้ที่ประสบความสำเร็จได้เพราะดูจากการจองคือแน่นเต็มตลอดทั้งปี เพราะเธอไม่เคยปฏิเสธคำร้องเรียนจากลูกค้า จะไม่พูดคำว่าไม่ได้กับลูกค้าเด็ดขาดค่ะ
ค่าใช้จ่ายสำหรับแช่ออนเซ็น (ไม่ได้พักที่เรียวกัง ) ♨️ ราคา 800 เยน
ราคาที่พัก ♨️ 18,000 – 3,0000 เยน สำหรับแขกที่เข้าพักสามารถแช่ออนเซ็นได้ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง (20:00~20:30ปิดทความสะอาดและสลับฝั่งชายหญิงออนเซ็น)
กฎระเบียบสำหรับการใช้บริการออนเซ็น
♨️ ห้ามคนที่มีรอยสักลงออนเซ็น
♨️ ห้ามว่ายน้ำเล่นในบ่อออนเซ็น
♨️ ควรรวบผมให้เรียบร้อยก่อนลงแช่ออนเซ็น
♨️ ไม่เอาผ้าลงแช่ในบ่อออนเซ็น
♨️ ห้ามถ่ายรูปหรือถ่ายวีดิโอ (ยกเว้นออนเซ็นส่วนตัว)
♨️ ห้ามส่งเสียงดัง
เวปไซด์ ♨️ https://taenoyu.com/en/
Private Bath (Yawaragi no Yu / Gin no Yu) ♨️ 10.00 น. -15.00 น.
Day Trip Onsen ♨️ 10.30 น. - 14.50 น.
การเดินทาง ♨️ นั่งรถไฟชินคันเซน Akita Shinkansen มาลงที่สถานี JR Tazawako จากสถานีรถไฟ JR Tazawako นั่งรถบัสสาย Nyuto Line มาลงป้าย Taenoyu-mae (妙乃湯前) ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีค่ะ
วันที่ 3 🚅 Akita
ทานข้าวเช้ากันกับวิวหิมะสวยๆ กันก่อนเลยค่ะ
เช้านี้เราไปยังหมู่บ้านซามูไรที่ Kakunodate 🇯🇵 Akita กันค่ะ
ดังที่เราทราบอยู่แล้วว่าชาวญี่ปุ่นเป็นคนช่างอนุรักษ์ ไม่ว่าจะเป็นวัด บ้านเรือน สถาปัตยกรรม ของเก่าเก็บ วัฒนธรรมต่างๆ ล้วนถูกทำนุบำรุงรักษากันมาแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็ยังอยู่ให้คนรุ่นหลังแบบเราได้สำรวจ ศึกษา และตื่นตาตื่นใจเสมอ
สำหรับหมู่บ้านซามูไร Kakunodate Samurai District เป็นหนึ่งในสถานที่นับพันของญี่ปุ่นที่ถูกอนุรักษ์ไว้ ซึ่งในปัจจุบันมีบ้านเพียง 6 หลังที่เปิดให้ประชาชนได้เข้าชมภายในบ้าน มีทั้งครอบครัวชนชั้นกลางและครอบครัวซามูไรที่ร่ำรวย โดยเฉพาะบ้านอาโอยากิ (Aoyagi House) และบ้านอิชิกูโระ (Ishiguro House)ค่ะ
บ้านอาโอยากิ(Aoyagi House) ประกอบด้วยอาคารหลายหลังที่ถูกดัดแปลงให้เป็น ร้านอาหาร ร้านจำหน่ายของที่ระลึก และพิพิธภัณฑ์ที่นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับประเพณี วิถีชีวิตของซามูไร และประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับเมืองคาคุโนดาเตะ
เวปไซด์ 🇯🇵 http://www.samuraiworld.com/
พิกัด 🇯🇵 https://goo.gl/maps/dr19KUbbsUPtwZJ1A
การเดินทาง 🇯🇵 จากสถานี JR คาคุโนะดาเตะเดิน 15 นาที
เวลาทำการ 🇯🇵 09:00-17:00 น. ระหว่างเดือนมีนาคม - พฤศจิกายน ปิด 16.00 น. /ไม่มีวันหยุดทำการ
ค่าเข้า 🇯🇵 ผู้ใหญ่ 300 เยน เด็ก 200 เยน
กลางวันนี้เราไปนั่งพร้อมทานข้าวกลางวันบนรถไฟสายน่ารัก Akita Nairiku Jukan Railway 🚃 Akita กันค่ะ
รถไฟขบวนเล็กกำลังค่อยๆวิ่งฉึกฉักอยู่ท่ามกลางบรรยากาศเชิงเขาอันเงียบสงบของญี่ปุ่นที่งดงามราวกับภาพวาดกลางหิมะ นอกจากทิวทัศน์อันงดงามตามที่กล่าวมาแล้ว มีอีกหนึ่งสิ่งที่รถไฟสายอากิตะไนริกุภาคภูมิใจนำเสนอเป็นอย่างยิ่งก็คือรอยยิ้มของผู้คนในท้องถิ่น ซึ่งผู้มาเยือนสามารถพบเห็นได้ตามสถานที่ต่างๆ ที่ออกไปเยือนค่ะ
ชาว Aakita นั้นยินดีให้การต้อนรับผู้ที่มาเยือนเพื่อนๆ ทุกคนด้วยรอยยิ้ม และก็อยากเห็นรอยยิ้มจากผู้มาเยือนเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้จึงตั้งชื่อ" Smile Rail"หรือรถไฟแห่งรอยยิ้มเป็นชื่อเล่นของรถไฟสาย Aakita Nairiku ที่จะบรรทุกรอยยิ้มของผู้โดยสารทุกคนวิ่งพร้อมกันไป
ซึ่งภายในรถไฟนั้นมีเบาะที่นั่งโดยสารนอกจากมีรูปสุนัขพันธุ์อาคิตะแล้ว 1 ใน 100 นั้นจะมีตัวหมีบนรถทางประตูเข้าออกมีเครื่องแปลอ่านออกเสียงจากแผนที่ของทางสถานีที่เตรียมไว้ให้อีกด้วยค่ะ
นอกจากนั้นบนรถมีจำหน่ายขนมและเครื่องดื่ม ที่สำคัญแม้จะเป็นขบวนเล็กๆ 1 ตู้โบกี้ แต่ก็มีห้องน้ำบริการไว้อีกด้วยค่ะ
ซึ่งตลอดเส้นทางที่มี Photo Spots ให้ผู้โดยสารสามารถถ่ายภาพได้ ซึ่งก่อนถึงแต่ละที่นั้นก็จะมีการประกาศแนะนำ และลดความเร็วในจุดที่เป็นจุดชมวิวต่่างๆ ค่ะ
เวปไซด์ 🚃 https://www.akita-nairiku.com/thai/
พิกัด 🚃 https://goo.gl/maps/93a38S6rEJM24XNg9
จากนั้นเราไปชม Snow Monsters ที่ Mt.Moriyoshi , Akita กันต่อค่ะ
ปิศาจหิมะ แห่งจังหวัดอาคิตะ อีกหนึ่งไฮไลท์จังหวัดอาคิตะฤดูหนาว ผลงานศิลปะอันงดงามของธรรมชาติที่สร้างสรรค์มาอย่างลงตัว
ในประเทศญี่ปุ่น มีจุดชม Snow Monsters อยู่หลายแห่ง และที่นี่คือหนึ่งในสามจุดชมปิศาจหิมะที่งดงามของญี่ปุ่นบนยอดเขา Mt.Moriyoshi ด้วยความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,454 เมตร ซึ่งเพื่อนๆ สามารถขึ้นไปชมได้โดยการนั่งกระเช้ากอนโดล่า ของลานสกี Ani Ski Area นั่งชมวิวหิมะสวยๆไปประมาณ20นาที ก็จะเจอกับเจ้ามอนเตอร์สีขาวหรือที่ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า จุเฮียว Juhyo ค่ะ
งปีศาจหิมิที่อาคิตะ จะสามารถชมได้ในช่วงระหว่างเดือนมกราคม-ต้นมีนาคม ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ หลังจากนั่งกระเช้ากอนโดล่าขึ้นมาแล้วใส่รองเท้าสำหรับเดินบนหิมะเพื่อไปชมตามรูทที่กำหนดไว้ โดยจะมีไกด์แนะนำและนำทางค่ะ
ซึ่งที่นี่จะมี สุนัขอาคิตะ HOKUTO หนุ่มน้อยแสนน่ารักตัวโตขนปุยน่ารักมาก คอยต้อนรับผู้มาเยือนอีกด้วยค่ะ
การเดินทาง ⛄️ รถไฟสาย Nairiku Jukan ลงที่สถานี Aniai และต่อรถแท็กซี่ไปที่ลานสกี Ani Ski Area ค่ะ
เวลาการเปิดปิด ⛄️ เปิดเวลา 08.30 - 16.00
ค่าบริการ Gondola ⛄️ค่าบริการกระเช้าขึ้นไปชมสโนว์มอนสเตอร์ที่ Mt.Moriyoshi (ไป-กลับ) ผู้ใหญ่ 1,800 เยน :: เด็ก 800 เยน
ออกจากสกีรีสอร์ท เราไปชมงานMage Wappa กล่องเบนโตไม้ดีไซน์สุดคลาสสิคร่วมสมัยในสไตล์ญี่ปุ่น งานดีไซน์ทะลุกาลเวลากว่า 600 ปีค่ะ
วัปปะเป็นสินค้าจากเมืองโอดาเตะทางภาคเหนือของอากิตะ โดยใช้ไม้สุกิ(สนซีดาร์)ของอากิตะ ที่มีความยืดหยุ่นและลายไม้ที่สวยงามมาไสให้บางและงอรูปแล้วเย็บด้วยเปลือกไม้ซากุระภูเขา และกลิ่นของไม้สุกิจะช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร ทำให้นิยมใช้เป็นกล่องอาหารในญี่ปุ่น
นอกจากจะซื้อเป็นของที่ระลึกแล้ว ยังมีบริการ workshop ให้เพื่อนๆ ได้ลองผลิตกล่องไม้ด้วยตัวเองอีกด้วยค่ะ
หากเดินเข้าร้านขายสินค้ามะเงะวัปปะในโอดะเตะแล้วอย่าแปลกใจถ้าเห็นป้ายสัญลักษณ์ตัว ‘G’ อยู่เต็มไปหมด ตัว G ที่ว่าก็คือโลโก้ Good Design Award สัญลักษณ์ที่บอกว่ามันคืองานที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นงานออกแบบชั้นเลิศของญี่ปุ่น
นอกจากกล่องข้าวแล้วยังมีกล่องบรรจุภัณฑ์อื่นๆด้วย ส่วนห้องน้ำของทางร้านก็ตกแต่งโดยใช้เทคนิคไม้วัปปะเช่นเดียวกัน แม้ว่าจะผ่านไปสามปีแล้ว ยังดูใหม่และดีไซน์สวยคลาสสิคจนจึงทุกวันนี้ค่ะ
เวปไซด์ 🍱 https://wappa-building.com/
พิกัด 🍱 https://goo.gl/maps/dwb3nsyTDNdGDH1e8
การเดินทาง 🍱 จากสถานีรถไฟJR สถานีโอดาเตะ เดิน 3 นาที
เวลาทำการ 🍱 10:30~17:00 หยุดทุกวันอังคาร
ค่ำนี้เราไปพัก Homestay และเล่นกันน้องหมา Akita Inu ที่ Furusawa Onsen 🐶 Akita กันค่ะ
ที่นี่เป็นบ้านพักเรียวกังสไตล์ครอบครัว มีออนเซนเปิดให้แช่ได้ทั้งคนที่พักและคนที่มาใช้บริการแช่ออนเซ็นอย่างเดียวก็ได้ค่ะ
ไฮไลต์ของที่นี่ก็คือหลังจากเราเช็คอินเสร็จเก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้ว พนักงานจะเรียกพาวเรามารวมตัวชั้น 1 เพื่อทำความคุ้นเคยกับสุนัขอาคิตะที่ชื่อว่า ฮารุและฮานะ ค่ะ
ตอนแรกเค้าจะปล่อยให้สุนัขมาทักทายเราก่อนด้วยการสร้างความคุ้นเคยด้วยการจำกลิ่นค่ะ จากนั้นเมื่อเริ่มคุ้นเลยละจะจับจะป้อนอาหารได้ตามอัธยาศัย ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดจากทางเจ้าหน้าที่ค่ะ
เวปไซด์ 🐶 https://furusawaonsen.com
พิกัด 🐶 https://goo.gl/maps/KYBKps3NkjHmMWV78
ติดตามตอนจบ ได้ที่นี่ค่ะ 👉 http://japanwow001.blogspot.com/2022/02/5-4-tohoku-in-winter-2022-jr-east-pass_21.html